วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560

ปริจเฉทที่ ๒

อภิธัมมัตถสังคหะ
---
ทุติโย ปริจฺเฉโท
ปริจฺเฉโท ปริจเฉท ทุติโย ที่ ๒ มยา อันข้าพเจ้า วุจฺจเต จะกล่าว.

                    เอกุปฺปาทนิโรธา จ                 เอกาลมฺพนวตฺถุกา
                    เจโตยุตฺตา ทฺวิปาส          ธมฺมา เจตสิกา มตา ฯ
          ธมฺมา ธรรมทั้งหลาย ทฺวิปฃฺฃาส ๕๒ เจโตยุตฺตา ที่ประกอบด้วยจิต   เอกุปฺปาทนิโรธา จ มีการเกิดขึ้นและดับไปพร้อม [จิตฺเตน ด้วยจิต] เอกาลมฺพนวตฺถุกา จ มีอารมณ์และวัตถุเป็นอันเดียวกัน [จิตฺเตน ด้วยจิต] ปณฺฑิเตน อันบัณฑิต มตา กล่าวแล้ว [อิติ ว่า] เจตสิกา  เจตสิก. 

***********
อภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา
---
ทุติยปริจฺเฉทวณฺณนา
ทุติยปริจฺเฉทวณฺณนา การอธิบายซึ่งปริจเฉทที่ ๒
มยา อันเรา วุจฺจเต จะกล่าว.
        ๑๕๙. เอว  ตาว  จิตฺต  ภูมิชาติสมฺปโยคสงฺขารฌานาลมฺพนมคฺคเภเทน ยถารห  วิภชิตฺวา อิทานิ เจตสิกวิภาคสฺส อนุปฺปตฺตตฺตา ปม ตาว จตุพฺพิธสมฺปโยคลกฺขณสนฺทสฺสนวเสน  เจตสิกลกฺขณ ฅเปตฺวา  ตทนนฺตร  อฺสมานอกุสลโสภณวเสน  ตีหิ  ราสีหิ เจตสิกธมฺเม  อุทฺทิสิตฺวา  เตส  โสฬสหากาเรหิ  สมฺปโยค เตตฺตึสวิเธน สงฺคหฺจ  ทสฺเสตุ  เอกุปฺปาทนิโรธา  จาติอาทิมารทฺธ.
          อิทานิ บัดนี้ อนุปฺปตฺตตฺตา ก็เพราะความที่ - เจตสิกวิภาคสฺส การจำแนกเจตสิก - ถึงแล้วโดยลำดับ[1] เอกุปฺปาทนิโรธา จ อิติ อาทิ วจนํ คำเริ่มต้นว่า  เอกุปฺปาทนิโรธา จ ดังนี้  อาจริเยน อันอาจารย์   วิภชิตฺวา ครั้นจำแนก จิตฺตํ จิต ภูมิชาติสมฺปโยคสงฺขารฌานาลมฺพนมคฺคเภเทน ตามความต่างกันแห่ง ภูมิ ชาติ สัมปโยค สังขาร ฌาน อารมณ์และมรรค ยถารหํ ตามสมควร[2] เอวํ อย่างนี้ ตาว ก่อนแล้ว อารทฺธํ จึงเริ่มขึ้นไว้[3]   ทสฺเสตุ เพื่อที่จะ - ฅเปตฺวา วาง เจตสิกลกฺขณํ ลักษณะของเจตสิก จตุพฺพิธสมฺปโยคลกฺขณสนฺทสฺสนวเสน เนื่องด้วยจะชี้ลักษณะคือการประกอบกัน ๔ ประการ ปฅมํ เป็นลำดับแรก อุทฺทิสิตฺวา แล้วแสดง เจตสิกธมฺเม เจตสิกธรรม ราสีหิ โดยเป็นกอง ตีหิ สาม อฺสมานอกุสลโสภณวเสน โดยเกี่ยวกับเป็นอัญญสมานเจตสิก อกุศลเจตสิก และโสภณเจตสิก ตทนนฺตรํ ไว้ในลำดับแห่งการวางลักษณะคือการประกอบกัน ๔ ประการนั้น - แล้วจึงแสดง สมฺปโยคํ ซึ่งสัมปโยคะ  โสฬสหากาเรหิ โดยอาการ ๑๖ ด้วย สงฺคหํ ซึ่งสังคหะ [4]   ด้วย เตสํ แห่งเจตสิกเหล่านั้น เตตฺตึสวิเธน [สงฺคเหน โดยสังคหนัย] มีประการ ๓๓ ตาว โดยลำดับ[5].



[1] มณิ.แนะให้ว่า อนุปฺปตฺตตา สัมพันธ์เข้ากับ อิทานิ.
[2] หมายความว่า แสดงการจำแนกไปตามสมควรแก่จิตในภูมินั้น คือ แสดงการจำแนกกามาวจรจิต โดยประเภทแห่งภูมิ ชาติ สัมปโยคะและสังขาร. รูปาวจรจิตโดยประเภทแห่งฌาน, อรูปาวจรจิตโดยประเภทแห่งอารมณ์และโลกุตตรจิตโดยประเภทแห่งมรรค ตามสมควร.
[3] ด้วยข้อความนี้แสดงว่า ประมวลเนื้อความของเจตสิกปริจเฉท นี้มีอยู่ ๔ ประการคือ ๑. ลักษณะแห่งความเป็นเจตสิก ๔ ประการ มีการเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นต้น, ๒. เจตสิกธรรมเหล่านี้ถูกยกขึ้นแสดงเป็น ๓ กลุ่ม, ๓. สัมปโยคนัยของเจตสิกเหล่านั้น (การประกอบกับจิตแห่งเจตสิก) มีโดยอาการหรือ ๑๖ ประเภท. ๔. การสงเคราะห์จิตที่มีเจตสิกประกอบมี ๓๓ อย่าง.
[4] สัมปโยคะ ได้แก่ การที่เจตสิกประกอบในจิตตุปบาทที่สมควรโดยประการเป็นต้นว่า มีการเกิดขึ้นพร้อมกัน เป็นต้นร่วมกัน [เจตสิกแต่ละดวงมีอยู่ในจิตกี่ดวงตามที่จะประกอบได้]. ส่วนสังคหะ  ได้แก่ ภาวะที่เจตสิกเหล่านั้นประชุมกันแล้วพึงถูกถือเอา [การนับจำนวนว่าในจิตแต่ละดวงมีเจตสิกเท่าใด].
[5] แปลตามนัยของโยชนาที่แสดงว่า ตาว ศัพท์ ได้แก่ โดยลำดับแห่งการกระทำมีการตั้งลักษณะเป็นต้น. แต่ในมณิ. ให้แปลเป็นบทไขความของ ปฅมํ. ถ้าเอาตามนัยที่มาในมณิ. ก็จะได้คำแปลว่า ปฅมํ = ตาว ก่อนจะแสดงเจตสิกธรรม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น