วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อเหตุกจิตวัณณนา

อภิธัมมัตถสังคหะ 
อเหตุกจิต
          อุเปกฺขาสหคต   จกฺขุวิฃฺฃาณํ,  ตถา  โสตวิฺาณ   ฆานวิฺาณ  ชิวฺหาวิฺาณ  ทุกฺขสหคต  กายวิฺาณ  อุเปกฺขาสหคต สมฺปฏิจฺฉนฺน[1],      ตถา   สนฺตีรณฺเจติ  อิมานิ  สตฺตปิ อกุสลวิปากจิตฺตานิ  นาม.
          อิมานิ จิตฺตานิ จิตเหล่านี้ สตฺตปิ แม้ ๗ ดวง อิติ คือ
        จกฺขุวิฃฺฃาณํ จิตที่อาศัยจักขุปสาท อุเปกฺขาสหคตํ เกิดร่วมกับอุเบกขา-เวทนา [ ดวงหนึ่ง], โสตวิฃฺฃาณํ จิตที่อาศัยโสตปสาท [ ดวงหนึ่ง], ฆานวิฃฺฃาณํ จิตที่อาศัยฆานวิญญาณ [ ดวงหนึ่ง], ชิวฺหาวิฃฺฃาณํ จิตที่อาศัยชิวหาปสาท [ ดวงหนึ่ง] ตถา [อุเปกฺขาสหคตํ เกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนาเช่นเดียวกัน
          กายวิฃฺฃาณํ  จิตที่อาศัยกายปสาท ทุกฺขสหคตํ เกิดร่วมกับทุกขเวทนา [ ดวงหนึ่ง]
          สมฺปฏิจฺฉนฺนํ สัมปฏิจฉันนจิต อุเปกฺขาสหคตํ เกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนา [ ดวงหนึ่ง]
          สนฺตีรณํ และสันตีรณจิต อีกดวงหนึ่ง ตถา [อุเปกฺขาสหคตํ เกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนา] เช่นเดียวกัน
          อกุสลวิปากจิตฺตํ นาม ชื่อว่า จิต คือ อกุสลวิบาก.




[1] สี. สมฺปฏิจฺฉนฺนจิตฺต ฯ 

*******
อภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา
อเหตุกจิตวัณณนา

                ๗๕. เอว  มูลเภทโต  ติวิธมฺปิ  อกุสล  สมฺปโยคาทิเภทโต  ทฺวาทสวิธา  วิภชิตฺวา อิทานิ  อเหตุกจิตฺตานิ  นิทฺทิสนฺโต  เตสอกุสลวิปากาทิวเสน  ติวิธภาเวปิ  อกุสลานนฺตร  อกุสลวิปาเกเยว จกฺขฺวาทินิสฺสยสมฺปฏิจฺฉนฺนาทิกิจฺจเภเทน  สตฺตธา  วิภชิตุ อุเปกฺขาสหคตจกฺขุวิาณนฺติอาทิมาห.
          อาจริโย ท่านอาจารย์ วิภชิตฺวา ครั้นจำแนก อกุสลํ ซึ่งอกุศล ติวิธมฺปิ แม้ที่มี ๓ อย่าง มูลเภทโต โดยประเภทแห่งมูล ทฺวาทสวิธา เป็น ๑๒ อย่าง สมฺปโยคาทิเภทโต[1] โดยประเภทสัมปโยคะเป็นต้น  เอวํ อย่างนี้แล้ว  อิทานิ ต่อไปนี้  นิทฺทิสนฺโต เมื่อจะแสดงไข อเหตุกจิตฺตานิ  อเหตุกจิตทั้งหลาย[2] เตสํ อเหตุกจิตฺตานํ ติวิธภาเวปิ[3]  ถึงแม้ว่าอเหตุกจิตเหล่านั้นจะมี ๓ ประการ อกุสลวิปากาทิวเสน[4]  โดยเป็นอกุศลวิบากเป็นต้นก็ตาม อาห ก็ได้กล่าว อุเปกฺขาสหคตํ จกฺขุวิญฺาณํ อิติอาทึ ซึ่งคำเริ่มต้นว่า อุเปกฺขาสหคตํ จกฺขุวิญฺาณํ  จักขุวิญญาณ สหรคตด้วยอุเบกขา ดังนี้[5]. วิภชิตุ◦ ก็เพื่อจำแนก อกุสลวิปาเก เอว เฉพาะอกุศลวิบาก อกุสลานนฺตรํ ในลำดับต่อจากอกุศล สตฺตธา ไว้เป็น ๗ ประการ จกฺขฺวาทินิสฺสยสมฺปฏิจฺฉนฺนาทิ-กิจฺจเภเทน ตามความต่างกัน[6] แห่งที่อาศัย [7] มีจักขุเป็นต้นและกิจมีสัมปฏิจฉันนกิจเป็นต้น.    



[1] ตามนัยของโยชนา สัมปโยคะในที่นี้ได้แก่ เวทนาและทิฏฐิสัมปโยคะ ฯ นอกจากนี้ยังหมายถึงประเภทสังขารด้วย  ฯ
[2] อเหตุกจิต  มีวิ.ว่า นตฺถิ  เอเตส  เหตูติ อเหตุกานิ,  อเหตุกานิ  เอว  จิตฺตานิ  อเหตุกจิตฺตานิฯ  เหตุ ย่อมไม่มีแก่ธรรมนี้ เหตุนั้น ธรรมนี้ชื่อว่า อเหตุกะ, จิต คือ อเหตุกะ ชื่อว่า อเหตุกจิตฯ
[3] ข้อความนี้ในอัตถโยชนาแสดงไว้เป็นเชิงทักท้วงดังนี้ว่า ท่านอาจารย์หมายถึงคำท้วงนี้ว่า ในธรรมสังคณีปกรณ์ ตรัสอเหตุกจิตไว้ ๓ ประเภทคือกุศลวิบาก อกุศลวิบากและอเหตุกกิริยาไว้ ตามลำดับมิใช่หรือ เพราะฉะนั้น จึงน่าจะแสดงกุศลวิบากก่อน เพราะเหตุไร จึงไม่แสดงไว้อย่างนั้น แต่แสดงอกุศลวิบากไว้ก่อน ดังนี้จึงได้กล่าวข้อความดังนี้ไว้.
[4] เป็นที่น่าสังเกตว่า ปาฐะว่า กุสลวิปากาทิวเสน ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลดีกว่า ดังที่โยชนาแสดงว่า  กุสลวิปาโก อาทิ  เยส  จิตฺตาน  ตานิ  กุสลวิปากาทีนิ.  อาทิสทฺเทน  อกุสลวิปากกิริยาน  คหณ. กุสลวิปากาทีน  วโส  กุส...วโส  กุศลวิบากเป็นต้นแห่งจิตเหล่าใดจิตเหล่านั้น เรียกว่า กุสลวิปากาทีนิ มีกุศลวิบากเป็นต้น. ด้วยอาทิศัพท์ ถือเอาอกุศลวิบากและอเหตุกกิริยาด้วย. ความเนื่องกันแห่งกุสลวิปากเป็นต้น ชื่อว่า กุสลวิปากาทิวโส.
            อย่างไรก็ตาม ปาฐะดังกล่าวก็ไม่มีฉบับใดที่ต่างกัน คงเป็นอกุสลวิปากาทิวเสน เหมือนกัน
[5] ข้อความทั้งหมดนี้ สรุปใจความได้ดังนี้ ฯ  ครั้นท่านอาจารย์แสดงอกุศลจิต ๓ ประการโดยมูล ๓ กล่าวคือ โลภมูล โทสมูลและโมหมูลเป็น ๑๒ ตามจิตที่ต่างกันโดยสัมปโยคะคือทิฏฐิเวทนาและสังขารไปแล้ว ลำดับต่อจากนี้จะแสดงอเหตุกจิต จิตที่ไม่มีเหตุ และแม้อเหตุกจิตเหล่านั้น ตามที่ทรงแสดงไว้ในธัมมสังคณีจะมี ๓ ประเภทตามลำดับดังนี้ คือ อเหตุกกุศลวิบาก อกุศลวิบากและอเหตุกิริยา ก็ตาม ท่านอาจารย์ก็ไม่แสดงตามนั้น กลับแสดงอกุศลวิบากไว้ในลำดับแห่งอกุศลก่อนอเหตุกจิตพวกอื่นทีเดียว โดยจำแนกเป็น ๗ ดวงตามที่จิตเหล่านี้ต่างกันโดยนิสสยะ (วัตถุ) และกิจมีสัมปฏิจฉนกิจเป็นต้นว่า อุเปกฺขาสหคตํ จกฺขุวิญฺญาณํ ไว้ฯ
[6] การแสดงอเหตุกจิตนี้ เป็นการแสดงตามความต่างกันโดยนิสสยะและกิจเป็นต้นฯ เภท ศัพท์ในที่นี้ มณิ. แนะให้แปลว่า นานตฺต ความต่างกัน หมายความว่า อเหตุกจิตเหล่านี้มีความต่างกันในที่อาศัยเกิดและกิจฯ
[7] ที่อาศัยในที่นี้ มาจาก นิสฺสย แปลว่า ที่เป็นที่อาศัยแห่งจิตและเจตสิก (กัมมสาธนะ) วิ. นิสฺสยนฺติ ตานีติ  นิสฺสยานิ.  จิตฺตเจตสิกา  ตานิ  จกฺขาทีนิ  นิสฺสยนฺติ อิติ  ตสฺมา ตานิ  จกฺขาทีนิ  นิสฺสยานิ.    จกฺขฺวาทีนิ  จ  ตานิ  นิสฺสยานิ จาติ  จกฺขฺวาทินิสฺสยานิ  ฯ จิตและเจตสิกย่อมอาศัย จักษุเป็นต้น เพราะเหตุนั้น จิตและเจตสิกเหล่านั้น ชื่อว่า นิสสยะฯ  จักขุเป็นต้นด้วย จักขุเป็นต้นนั้นเป็นที่อาศัยด้วย ชื่อว่า จกฺขวาทินิสฺสยฯ 

*****

ยังมีต่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น