วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๓ เหตุสังคหะ

ตติโย ปริจฺเฉโท
ปกิณฺณกสงฺคหวิภาโค
ปริจฺเฉโท ปริจเฉท ตติโย ที่ ๓ ปกิณฺณกสงฺคหวิภาโค ชื่อว่า ปกิณณกสังคหวิภาค
มยา อันเรา วุจฺจเต จะกล่าว.
                        .         สมฺปยุตฺตา ยถาโยคํ,     เตปญฺญาส สภาวโตฯ
จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา,     เตสํ ทานิ ยถารหํฯ
.        เวทนาเหตุโต กิจฺจ-      ทฺวาราลมฺพณวตฺถุโตฯ
จิตฺตุปฺปาทวเสเนว,       สงฺคโห นาม นียเตฯ
            ธมฺมา ธรรม จิตฺตเจตสิกา อันได้แก่ จิตและเจตสิก สมฺปยุตฺตา ซึ่งประกอบร่วมกัน   ยถาโยคํ ตามควรแก่การประกอบ เตปญฺญาส [โหนฺติ ย่อมเป็น] ธรรม ๕๓ สภาวโต โดยสภาวะ.

            ทานิ     บัดนี้ มยา ข้าพเจ้า นียเต จะนำ-  สงฺคโห การรวบรวม เตสํ [ธมฺมานํ] ของธรรม ๕๓ เหล่านั้น  เวทนาเหตุโต โดยเวทนา และเหตุ,  กิจฺจทฺวาราลมฺพนวตฺถุโต จ และโดยกิจ ทวาร อารมณ์และวัตถุ  จิตฺตุปฺปาทวเสน โดยเกี่ยวกับจิตตุปบาท เอว นั่นเทียว ยถารหํ ตามควร  [ปกิณฺณกสงฺคโห]  นาม ที่ชื่อว่าปกิณณกสังคหะมา(แสดง). 
. ตตฺถ เวทนาสงฺคเห ตาว ติวิธา เวทนา สุขํ ทุกฺขํ อทุกฺขมสุขา เจติ, สุขํ ทุกฺขํ โสมนสฺสํ โทมนสฺสํ อุเปกฺขาติ จ เภเทน ปน ปญฺจธา โหติฯ

            ตตฺถ = เตสุ ฉสุ สงฺคเหสุ ในบรรดาสังคหะทั้ง ๖ เหล่านั้น [สงฺคโห การรวบรวมจิตและเจตสิกเหล่านั้น] เวทนาสงฺคเห ในเวทนาสังคหะ มยา อันเรา วุจฺจเต จะกล่าว ตาว เป็นลำดับแรก.
            เวทนา เวทนา โหติ ย่อมมี ติวิธา ๓ ประการ อิติ คือ สุขา จ สุขเวทนา ทุกฺขา จ ทุกขเวทนา อทุกฺขมสุขเวทนา จ และ อทุกขมสุขเวทนา. จ ปน ก็แล โหติ ย่อมมี ปญฺจธา ๕ ประการ ปเภเทน โดยการจำแนก [อินฺทฺริยเทสนาย ตามที่ทรงแสดงไว้ในพระบาฬีอินทรีย์วิภังค์] อิติ คือ สุขํ  จ สุขเวทนา ทุกฺขํ  จ ทุกขเวทนา โสมนสฺสํ จ โสมนัสเวทนา  โทมนสฺสํ จ โทมนัสเวทนา อุเปกฺขา จ และอุเบกขาเวทนา.

๔. ตตฺถ สุขสหคตํ กุสลวิปากํ กายวิญฺญาณเมกเมว, ตถา ทุกฺขสหคตํ อกุสลวิปากํ.
            . โสมนสฺสสหคตจิตฺตานิ ปน โลภมูลานิ จตฺตาริ, ทฺวาทส กามาวจรโสภนานิ, สุขสนฺตีรณหสนานิ จ ทฺเวติ อฏฺฐารส กามาวจรโสมนสฺสสหคตจิตฺตานิ เจว ปฐมทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานสงฺขาตานิ จตุจตฺตาลีส มหคฺคตโลกุตฺตรจิตฺตานิ เจติ ทฺวาสฏฺฐิวิธานิ ภวนฺติ.
. โทมนสฺสสหคตจิตฺตานิ ปน ทฺเว ปฏิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตาเนว.
. เสสานิ สพฺพานิปิ ปญฺจปญฺญาส อุเปกฺขาสหคตจิตฺตาเนวาติ.

            ตตฺถ ในบรรดาเวทนาเหล่านั้น
            กายวิญฺญาณํ กายวิญญาณ กุสลวิปากํ ที่เป็นกุศลวิบาก เอกํ เอว ๑ ดวง เท่านั้น โหติ ย่อมเป็น สุขสหคตํ จิตที่เกิดร่วมกับสุขเวทนา. ตถา เช่นกัน กายวิญฺญาณํ กายวิญญาณ อกสุลวิปากํ ที่เป็นอกุศลวิบาก เอกํ เอว ๑ ดวงเท่านั้น โหติ ย่อมเป็น ทุกฺขสหคตํ จิตที่เกิดร่วมกับทุกขเวทนา.
            ปน ส่วน โสมนสฺสสหคตจิตฺตานิ จิตที่เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา ภวนฺติ ย่อมมี ทฺวาสฏฺฐิวิธานิ ๖๒ ดวง อิติ คือ กามาวจรจิตฺตานิ จ กามาวจรจิต อฏฺฐารส ๑๘ ดวง อิติ คือ โลภมูลานิ จ โลภมูลจิต จตฺตาริ ๔ ดวง, กามาวจรโสภณานิ จ กามาวจรโสภณจิต ทฺวาทส ๑๒ ดวง, สุขสนฺตีรณหสานิ จ และสุขสันตีรณและหสิตุปบาทจิต เทฺว รวม ๒ ดวง,  มหคฺคตโลกุตฺตรจิตฺตานิ  จ มหัคคตจิตและโลกุตรจิต ปฐมทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานสงฺขาตานิ กล่าวคือ ปฐมฌานจิต ทุติยฌานจิต ตติยฌานจิตและจตุตถฌานจิต จตุจตฺตาฬีส ๔๔ ดวง  .
            ปน อนึ่ง ปฏิฆจิตฺตานิ ปฏิฆจิต เทฺว สองดวง เอว เท่านั้น โหนฺติ ย่อมเป็น            โทมนสฺสสหคตานิ เป็นจิตที่เกิดร่วมกับโทมนัสเวทนา.
            ปญฺจปญฺญาส จิต ๕๕ ดวง  เสสานิ ที่เหลือ สพฺพานิปิ แม้ทั้งปวง [อิติ คือ ๖ ดวง เสสานิ ที่เหลือ อกุสลโต จากอกุศลจิต, จุทฺทส ๑๖ ดวง เสสานิ ที่เหลือ อเหตุกโต จากอเหตุกจิต, ทฺวาทส ๑๒ ดวง เสสานิ ที่เหลือ กามาวจรโสภณโต จากกามาวจรโสภณจิต  ปญฺจมชฺฌานิกานิ  ปัญจมฌานจิต เตวีส ๒๓ ดวง]  โหนฺติ ย่อมเป็น อุเปกฺขาสหคตจิตฺตานิ เอว จิตที่เกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนานั่นเทียว อิติ ฉะนี้แล.
                       
                        .        สุขํ ทุกฺขมุเปกฺขาติ,      ติวิธา ตตฺถ เวทนาฯ
โสมนสฺสํ โทมนสฺส     มิติเภเทน ปญฺจธาฯ
.         สุขเมกตฺถ ทุกฺขญฺจ,     โทมนสฺสํ ทฺวเย ฐิตํฯ
ทฺวาสฏฺฐีสุ โสมนสฺสํ, ปญฺจปญฺญาสเกตราฯ
            ตตฺถ ในเวทนาสังคหะนั้น  เวทนา เวทนา ติวิธา มี ๓ ประการ อิติ คือ สุขํ สุขเวทนา, ทุกฺขํ ทุกขเวทนา อุเปกฺขา และอุเบกขาเวทนา. ปญฺจธา มี ๕ ประการ เภเทน โดยจำแนกออกไปอีก อิติ คือ โสมนสฺสํ โสมนัสเวทนา โทมนสฺสํ และโทมนัสเวทนา.
            สุขํ จ สุข ด้วย ทุกฺขญฺจ ทุกข์ด้วย ฐิตํ ตั้งอยู่ เอกตฺถ ในจิตดวง ๑, โทมนสฺสํ โทมนัสเวทนา ฐิตํ ตั้งอยู่ ทฺวเย ในจิต ๒ ดวง, โสมนสฺสํ โสมนัสเวทนา ,ฐิตํ ตั้งอยู่ ทฺวาสฏฺฐีสุ ในจิต ๖๒ ดวง, อิตรา อุเบกขาเวทนานอกนี้ ฐิตา ตั้งอยู่ ปญฺจปญฺญาสเก ในจิต ๕๕ ดวง.

๑๐. เหตุสงฺคเห เหตู นาม โลโภ โทโส โมโห อโลโภ อโทโส อโมโห จาติ ฉพฺพิธา ภวนฺติฯ
๑๑. ตตฺถ ปญฺจทฺวาราวชฺชนทฺวิปญฺจวิญฺญาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺฐพฺพนหสนวเสน อเหตุกจิตฺตานิ นามฯ
๑๒. เสสานิ สพฺพานิปิ เอกสตฺตติ จิตฺตานิ สเหตุกาเนวฯ
๑๓. ตตฺถาปิ ทฺเว โมมูหจิตฺตานิ เอกเหตุกานิฯ
๑๔. เสสานิ ทส อกุสลจิตฺตานิ เจว ญาณวิปฺปยุตฺตานิ ทฺวาทส กามาวจรโสภนานิ เจติ ทฺวาวีสติ ทฺวิเหตุกจิตฺตานิฯ
๑๕. ทฺวาทส ญาณสมฺปยุตฺตกามาวจรโสภนานิ เจว ปญฺจติํส มหคฺคตโลกุตฺตรจิตฺตานิ เจติ สตฺตจตฺตาลีส ติเหตุกจิตฺตานีติฯ
            เหตุสงฺคเห ในเหตุสังคหะ, เหตุโย นาม ชื่อว่า เหตุ ฉพฺพิธา ภวนฺติ มี ๖ ประการ อิติ คือ โลโภ จ โลภะ, โทโส จ โทสะ, โมโห จ โมหะ, อโลโภ จ  อโลภะ, อโทโส จ , อโทสะ, อโมโห จ และอโมหะ
           
            ตตฺถ ตสฺมึ เหตุสงฺคเห ในเหตุสังคหะนั้น
            อฏฺฐารส จิต ๑๘ ดวง ฺจทฺวาราวชฺชนทฺวิปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนฺน-สนฺตีรณโวฏฺพฺพนหสนวเสน คือ ปัญจทวาราวัชชนะ ทวิปัญจวิญญาณจิต สัมปฏิจฉันนจิต สันตีรณจิต โวฏฐัพพนจิตและหสิตุปบาทจิต อเหตุกานิ นาม ชื่อว่า              อเหตุกจิต.
            จิตฺตานิ จิต เอกสตฺตติ ๗๑ ดวง เสสานิ ที่เหลือ สพฺพานิปิ แม้ทั้งปวง            สเหตุกานิ เอว ชื่อว่า สเหตุกจิต นั่นเทียว.  
            โมมูหจิตฺตานิ โมมูหจิต เทฺว ๒ ดวง เอกเหตุกานิ ชื่อว่า เอกเหตุกจิต.
            ทฺวาวีสติ จิต ๒๒ ดวง อิติ คือ อกุสลจิตฺตานิ เจว อกุศลจิต ๑๐ เสสานิ            ที่เหลือ, กามาวจรโสภณานิ จ กามาวจรโสภณจิต ทฺวาทส ๑๒ ญาณวิปฺปยุตฺตานิ  ที่วิปยุตด้วยญาณ ทุเหตุกจิตฺตานิ ชื่อวา ทุเหตุกจิต.
            สตฺตจตฺตาฬีส จิต ๔๗ อิติ คือ าณสมฺปยุตฺตกามาวจรโสภณานิ  เจว กามาวจรโสภณจิตที่สัมปยุตด้วยญาณ ทฺวาทส ๑๒ ดวง, มหคฺคตโลกุตฺตรจิตฺตานิ จ และมหัคตจิตกับโลกุตรจิต ฺจตฺตึส ๓๕ ดวง ติเหตกจิตฺตานิ ชื่อว่า ติเหตุกจิต.

                                    ๑๖.      โลโภ โทโส จ โมโห จ,
เหตู อกุสลา ตโย;
อโลภาโทสาโมโห จ,
กุสลาพฺยากตา ตถาฯ
            เหตู เหตุ อกุสลา ที่เป็นกุศล ตโย ๓ คือ โลโภ จ โลภะ โทโส จ โทสะ โมโห จ และโมหะ. ตถา เช่นกัน  เหตู เหตุ กุสลาพฺยากตาที่เป็นกุศลและอัพยากตะ ตโย อโลโภ จ อโลภะ อโทโส จ อโทสะ อโมโห จ   และอโมหะ.

            ๑๗.     อเหตุกาฏฺฐารเสกเหตุกา          ทฺเว ทฺวาวีสติฯ
ทฺวิเหตุกา มตา                                     สตฺตจตฺตาลีสติเหตุกาฯ

            อเหตุกา จิตฺตุปฺปาทา จิตตุปบาทที่ไม่มีเหตุ อฏฺฐารส๑๘, เอกเหตุกา ที่มีเหตุเดียว เทฺว ๒, ทุเหตุกา ที่มีเหตุ ๒ ทฺวิวีสติ ๒๒ , ติเหตุกา ที่มีเหตุ ๓ สตฺตจตฺตาฬีส ๔๗  [ปรมตฺถวิทูหิ อันท่านผู้รู้แจ้งปรมัตถ์] มตา กล่าวไว้.

วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

อภิธัมมัตถสังหะ ปริจเฉทที่ ๒ สังคหนัย จบปริจเฉทที่ ๒

สังคหนัย
        โสภเณสุ  ปน  โสภณสาธารณา  ตาว  เอกูนวีสติ   เจตสิกา สพฺเพสุปิ  เอกูนสฏฺิโสภณจิตฺเตสุ  สมฺปยุชฺชนฺติ  ฯ  วิรติโย  ปน ติสฺโสปิ  อฏฺสุ  โลกุตฺตรจิตฺเตสุ    สพฺพถาปิ  นิยตา  เอกโตว ลพฺภนฺติ ฯ โลกิเยสุ  ปน  กามาวจรกุสเลเสฺวว  กทาจิ  สนฺทิสฺสนฺติ  วิสุ  วิสุ ฯ อปฺปมฺาโย ปน  ทฺวาทสสุ  ปฺจมชฺฌานวชฺชิตมหคฺคตจิตฺเตสุ เจว  กามาวจรกุสเลสุ จ  สเหตุกกามาวจรกฺริยาจิตฺเตสุ  จาติ อฏฺวีสติจิตฺเตเสฺวว กทาจิ  นานา หุตฺวา ชายนฺติ ฯ อุเปกฺขาสหคเตสุ ปเนตฺถ  กรุณามุทิตา น สนฺตีติ  เกจิ วทนฺติฯ ปฺา ปน ทฺวาทสสุ าณสมฺปยุตฺตกามาวจรจิตฺเตสุ เจวสพฺเพสุปิ ปฺจตฺตึสมหคฺคตโลกุตฺตรจิตฺเตสุ  จาติ  สตฺตจตฺตาฬีสจิตฺเตสุ  สมฺปโยค คจฺฉตีติ ฯ
            ปน ส่วน โสภเณสุ ในบรรดาโสภณเจตสิกทั้งหลาย
            ตาว ก่อนอื่น โสภณสาธารณา เอกูนวีสติ   เจตสิกา โสภณสาธารณเจตสิก ๑๙  สมฺปยุชฺชนฺติ  ประกอบ เอกูนสฏฺิโสภณจิตฺเตสุ ในโสภณจิต ๕๙ สพฺเพสุปิ แม้ทั้งปวง. 
            ปน ส่วน วิรติโย  ติสฺโสปิ วิรติเจตสิแม้ทั้ง ๓  ลพฺภนฺติ อันบัณฑิตย่อมได้   อฏฺสุ  โลกุตฺตรจิตฺเตสุ ในโลกุตรจิต ๘ เอกโตว โดยความเป็นอันเดียวกันนั่นเทียว นิยตา  แน่นอน สพฺพถาปิ  แม้โดยประการทั้งปวง.  ปน แต่ โลกิเยสุ ในโลกิยจิตทั้งหลาย  สนฺทิสฺสนฺติ ย่อมปรากฏ  กามาวจรกุสเลเสฺวว เฉพาะในกามาวจรกุศลเท่านั้น กทาจิ ในกาลบางคราว วิสุ  วิสุ แยกกัน  ฯ
            ปน อนึ่ง  อปฺปมฺาโย   อัปปมัญญา  ชายนฺติ ย่อมเกิด กทาจิ  ในกาลบางคราว นานา  หุตฺวา  เป็นธรรมชาติแยกกัน อฏฺวีสติจิตฺเตเสฺวว ในจิต ๒๘ ดวงเท่านั้น อิติ คือ ทฺวาทสสุ  ปฺจมชฺฌานวชฺชิตมหคฺคตจิตฺเตสุ เจว ในมหัคคตจิต เว้นปัญจมฌาน ๑๒ ดวง  กามาวจรกุสเลสุ จ ในกามาวจรกุศลจิต สเหตุก-กามาวจรกฺริยาจิตฺเตสุ  จ และในสเหตุกกามาวจรกิริยาจิต
            ปน ก็ เอตฺถ กามาวจรจิตฺเตสุ ในบรรดากามาวจรจิตเหล่านี้  เกจิ อาจารย์บางท่าน วทนฺติ กล่าว อิติ ว่า กรุณามุทิตา กรุณาและมุทิตา น  สนฺติ ย่อมไม่มี  อุเปกฺขาสหคเตสุ ในอุเบกขาสหคตจิต ฯ
            ปน อนึ่ง ปฺา  ปัญญา คจฺฉติ ย่อมถึง สมฺปโยค ซึ่งการประกอบร่วมกัน สตฺตจตฺตาฬีสจิตฺเตสุ ในจิต ๔๗ ดวง อิติ คือ ทฺวาทสสุ  าณสมฺปยุตฺตกามาวจรจิตฺเตสุ  เจว ในกามาวจรญาณสัมปยุตจิต ๑๒  สพฺเพสุปิ ปฺจตฺตึสมหคฺคตโลกุตฺตรจิตฺเตสุ  จ และในมหัคคตจิตทั้งโลกุตรจิต ๓๕ ดวง แม้ทั้งปวง  อิติ ฉะนี้แล ฯ

                        เอกูนวีสติ ธมฺมา                      ชายนฺเตกูนสฏฺิย
                        ตโย โสฬสจิตฺเตสุ                    อฏฺวีสติย ทฺวย ฯ
                        ปฺา ปกาสิตา สตฺต-             จตฺตาฬีสวิเธสุปิ
                        สมฺปยุตฺตา จตุเธว                     โสภเณเสฺวว โสภณา ฯ
                        อิสฺสามจฺเฉรกุกฺกุจฺจ-               วิรติกรุณาทโย
                        นานา กทาจิ มาโน จ               ถีนมิทฺธ ตถา สห ฯ
                        ยถาวุตฺตานุสาเรน                    เสสา นิยตโยคิโน
            โสภณา โสภณเจตสิก  สมฺปยุตฺตา ประกอบ โสภเณสุ เอว ในโสภณจิตเท่านั้น จตุธา โดย ๔ ประการ เอวํ อย่างนี้ คือ ธมฺมา ธรรม เอกูนวีสติ ๑๙  ชายนฺเต ย่อมเกิด   เอกูนสฏฺฅิยํ ในจิต ๕๙, ตโย ธรรม ๓ ชายนฺเต ย่อมเกิด โสฬสจิตฺเตสุ ในจิต ๑๖ ทฺวยํ หมวด ๒ แห่งธรรม ชายเต ย่อมเกิด อฏฺฅวีสติยํ ในจิต ๒๘ ปฃฺฃา ปัญญา ปกาสิตา    ทรงประกาศแล้ว  สตฺตจตฺตาฬีสวิเธสุปิ แม้ในจิต ๔๗ ดวง. ธมฺมา ทั้งหลาย อิสฺสามจฺเฉรกุกฺกุจฺจวิรติกรุณาทโย มีอิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะ วิรตีและกรุณาเป็นต้น ชายนฺติ ย่อมเกิดขึ้น นานา แยกจากกัน กทาจิ ในบางคราว. และ   มาโน มานะ ชายติ ย่อมเกิด กทาจิ ในบางคราว. ตถา อนึ่ง ถีนมิทฺธํ ถีนมิทธะ ชายติ ย่อมเกิด สห ร่วมกัน  กทาจิ ในบางคราว. เสสา ธรรมที่เหลือ นิยตโยคิโน มีการประกอบเป็นประจำ ยถาวุตฺตานุสาเรน ตามทำนองที่กล่าวแล้ว. 

                        สงฺคหฺจ ปวกฺขามิ                  เตสนฺทานิ ยถารห ฯ
                        ฉตฺตึสานุตฺตเร ธมฺมา               ปฺจตฺตึส มหคฺคเต
                        อฏฺตฺตึสาปิ ลพฺภนฺติ               กามาวจรโสภเณ ฯ
                        สตฺตวีสตฺยปุฺมฺหิ                 ทฺวาทสาเหตุเกติ จ
                        ยถาสมฺภวโยเคน                      ปฺจธา ตตฺถ สงฺคโห ฯ
            อนึ่ง อิทานิ บัดนี้ อหํ ข้าพเจ้า  ปวกฺขามิ จะกล่าว สงฺคหํ ซึ่งสังคหนัย  เตสํ   เจตสิกานํ แห่งเจตสิกเหล่านั้น ยถารหํ ตามสมควร. ก็ สงฺคโห สังคหะ ก็การสงเคราะห์  ตตฺถ ในเจตสิกเหล่านั้น ปฃฺจธา โดยประการ ๕ ยถาสมฺภวโยเคน ตามประกอบตามควรแก่การเกิดขึ้น อิติ คือ ธมฺมา ธรรม ฉตฺตึส ๓๖ ลพฺภนฺติ อันบัณฑิต ย่อมได้  อนุตฺตเร  ในอนุตรจิต, ปฃฺจตฺตึส ธรรม ๓๕ ลพฺภนฺติ  อันบัณฑิต ย่อมได้ มหคฺคเต ในมหัคคตจิต, อฏฺฅตฺตึสาปิ แม้ธรรม ๓๘ ลพฺภนฺติ อันบัณฑิต ย่อมได้ กามาวจรโสภเณ ในกามาวจรโสภณจิต, สตฺตวีสติ ธรรม ๒๗ ลพฺภนฺติ อันบัณฑิต ย่อมได้ อปุฃฺฃมฺหิ  ในอกุศลจิต,  ทฺวาทส   ธรรม ๑๒ ลพฺภนฺติ อันบัณฑิตย่อมได้ อเหตุเก ในอเหตุกจิต.
            กถ ฯ  โลกุตฺตเรสุ  ตาว  อฏฺสุ ปมชฺฌานิกจิตฺเตสุ อฺสมานา เตรส เจตสิกา  อปฺปมฺาวชฺชิตา  เตวีสติ โสภณเจตสิกา เจติ  ฉตฺตึส  ธมฺมา  สงฺคห  คจฺฉนฺติ ฯ  ตถา  ทุติยชฺฌานิกจิตฺเตสุ  วิตกฺกวชฺชาฯ ตติยชฺฌานิกจิตฺเตสุ  วิตกฺกวิจารวชฺชาฯ จตุตฺถชฺฌานิกจิตฺเตสุ  วิตกฺกวิจารปีติวชฺชา  ฯ  ปฺจมชฺฌานิกจิตฺเตสุ อุเปกฺขาสหคตา  เต  เอว   สงฺคยฺหนฺติ ฯ  สพฺพถาปิ อฏฺสุ  โลกุตฺตรจิตฺเตสุ  ปฺจกชฺฌานวเสน  ปฺจธาว  สงฺคโห โหตีติ ฯ
            สงฺคโห การสงเคราะห์ เตสํ เจตสิกานํ เจตสิกเหล่านั้น เตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ   ในจิตตุปบาททั้งหลาย กถํ อย่างไร ?
            ตาว ก่อนอื่น โลกุตฺตเรสุ ในโลกุตรจิตทั้งหลาย
      ฉตฺตึส ธมฺมา ธรรม ๓๖ อิติ คือ อฺสมานา เตรส เจตสิกา จ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ อปฺปมฺาวชฺชิตา  เตวีสติ โสภณเจตสิกา จ โสภณเจตสิก ๒๓  เว้นอัปปมัญญา คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการสงเคราะห์ อฏฺสุ ปมชฺฌานิกจิตฺเตสุ   ในจิตที่ประกอบกับปฐมฌาน ๘ ดวง.
            ตถา ธรรมเหล่านั้นคือเจตสิก ๓๖ ดังกล่าวข้างต้น วิตกฺกวชฺชา ที่เว้นจากวิตก (เหลือ ๓๕) คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการสงเคราะห์ ทุติยฌานิกจิตฺเตสุ ในจิตที่ประกอบกับทุติยฌาน.                 
            ตถา ธรรมเหล่านั้น วิตกฺกวิจารวชฺชา ที่เว้นจากวิตกและวิจาร (เหลือ ๓๓)  คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการสงเคราะห์ ตติยชฺฌานิกจิตฺเตสุ  ในจิตที่ประกอบกับ ตติยฌาน.
            เต  เอว  ธรรม ๓๓ เหล่านั้นนั่นแหละ  อุเปกฺขาสหคตา ที่สหรคตด้วยอุเบกขา สงฺคยฺหนฺติ ถูกสงเคราะห์ ปฺจมชฺฌานิกจิตฺเตสุ ในจิตที่ประกอบกับปัญจมฌาน. 
            อฏฺสุ  โลกุตฺตรจิตฺเตสุ ในโลกุตรจิต ๘ ดวง โหติ ย่อมมี สงฺคโห สังคหนัย  ปฺจธาว ๕ นัยนั่นเทียว ปฺจกชฺฌานวเสน โดยเนื่องด้วยฌานทั้ง ๕  สพฺพถาปิ  แม้โดยประการทั้งปวง อิติ ดังนี้แล.

                        ฉตฺตึส ปฺจตึสาถ                    จตุตฺตึส ยถากฺกม
                        เตตฺตึสทฺวยมิจฺเจว                    ปฺจธานุตฺตเร ิตา ฯ
            อถ อนึ่ง เต เจตสิกธรรมเหล่านั้น  ิตา ตั้งอยู่ อนุตฺตเร ในอนุตรจิต ปฃฺจธา โดยประการ ๕ อิติ เอวํ อย่างนี้ คือ ฉตฺตึส ธรรม ๓๖ ปฺจตึส  ธรรม ๓๕,จตุตฺตึส ธรรม ๓๔  เตตฺตึสทฺวยํ หมวด ๒ แห่งธรรม ๓๓ (คือ ธรรม ๓๓ และธรรม ๓๓ อีกครั้งหนึ่ง) ยถากฺกม ตามลำดับ.

            มหคฺคเตสุ ปน ตีสุ ปมชฺฌานิกจิตฺเตสุ ตาว อฺสมานา เตรส เจตสิกา วิรติวชฺชา  พาวีสติ โสภณเจตสิกา เจติ ปฺจตฺตึส ธมฺมา  สงฺคห  คจฺฉนฺติฯ  กรุณา  มุทิตา  ปเนตฺถ  ปจฺเจกเมว โยเชตพฺพา  ฯ  ตถา  ทุติยชฺฌานิกจิตฺเตสุ  วิตกฺกวชฺชา  ฯ ตติยชฺฌานิกจิตฺเตสุ  วิตกฺกวิจารวชฺชา  ฯ  จตุตฺถชฺฌานิกจิตฺเตสุ วิตกฺกวิจารปีติวชฺชาฯ  ปฺจมชฺฌานิก-จิตฺเตสุ  ปณฺณรสสุ  อปฺปมฺาโย น  ลพฺภนฺติฯ  สพฺพถาปิ  สตฺตวีสติมหคฺคตจิตฺเตสุ  ปฺจกชฺฌานวเสน ปฺจธาว สงฺคโห โหตีติ ฯ
            ปน ส่วน มหคฺคเตสุ ในบรรดามหัคคตจิตทั้งหลาย  ธมฺมา ธรรมทั้งหลาย ปฃฺจตฺตึส ๓๕ อิติ คือ อฃฺฃสมานา เตรส เจตสิกา อัญญสมานเจตสิก ๑๓   วิรติวชฺชา  พาวีสติ โสภณเจตสิกา โสภณเจตสิก ๒๒ เว้นวิรตี คจฺฉนฺติ ย่อมถึง  สงฺคหํ ซึ่งการนับรวม ตึสุ ปฅมชฺฌานิกจิตฺเตสุ ในจิตที่ประกอบในปฐมฌาน ๓๐.  ปน แต่ว่า กรุณามุทิตา กรุณาและมุทิตา โยเชตพฺพา บัณฑิตพึงประกอบ ปจฺเจกํ เอว ทีละดวงเท่านั้น เอตฺถ ในจิตที่เกิดในปฐมฌานนี้.
            ตถา ธรรมทั้งหลายอย่างนั้น วิตกฺกวชฺชา เว้นวิตก คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ  ซึ่งการนับรวม ทุติยชฺฌานิกจิตฺเตสุ ในจิตที่ประกอบในทุติยฌาน.
            ตถา ธรรมทั้งหลายอย่างนั้น วิตกฺกวิจารวชฺชา ที่เว้นจากวิตกและวิจาร  คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการนับรวม ตติยชฺฌานิกจิตฺเตสุ ในจิตที่ประกอบในตติยฌาน.
            ตถา ธรรมทั้งหลายอย่างนั้น วิตกฺกวิจารปีติวชฺชา ที่เว้นจากวิตก วิจารและปีติ คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการนับรวม จตุตฺถชฺฌานิกจิตฺเตสุ ในจิตที่ประกอบในจตุตถฌาน.  
            อปฺปมฃฺฃาโย อัปมัญญา น ลพฺภนฺติ อันบัณฑิตย่อมไม่ได้ ปฺจมชฺฌานิกจิตฺเตสุ  ปณฺณรสสุ  ในจิต ๑๕ ดวงที่ประกอบในปัญจมฌาน.
            สงฺคโห สังคหนัย  โหติ ย่อมมี ปฺจธาว ๕ นัยนั่นเทียว  ปฺจกชฺฌานวเสน เนื่องด้วยฌาน ๕ สตฺตวีสติมหคฺคตจิตฺเตสุ ในมหัคคตจิต ๒๗ สพฺพถาปิ แม้โดยประการทั้งปวง อิติ ฉะนี้แล.

                        ปฺจตฺตึส จตุตฺตึส                    เตตฺตึสาถ ยถากฺกม
                        ทฺวตฺตึส เจว ตึสาติ                   ปฺจธาว มหคฺคเต ฯ
            อถ อนึ่ง สงฺคโห สังคหนัย ปญฺจธาว ๕ นัยนั่นเทียว อิติ คือ ปฃฺจตฺตึส จ ๓๕ , จตุตฺตึส จ ๓๔, ทฺวตฺตึส เจว ๓๒  ตึส จ และ ๓๐ ยถากฺกมํ ตามลำดับ ฅิตา ตั้งอยู่ มหคฺคเต ในมหัคคตจิต.

            กามาวจรโสภเณสุ  ปน  กุสเลสุ  ตาว  ปมทฺวเย าณสมฺปยุตฺเต  อฺสมานา  เตรส  เจตสิกา  ปฺจวีสติ โสภณเจตสิกา  เจติ  อฏฺตฺตึส  ธมฺมา  สงฺคห  คจฺฉนฺติ  ฯ อปฺปมฺาวิรติโย  ปเนตฺถ  ปฺจปิ  ปจฺเจกเมว  โยเชตพฺพา  ฯ  ตถา ทุติยทฺวเย ญาณวชฺชิตา  ฯ  ตติยทฺวเย  าณสมฺปยุตฺเต  ปีติวชฺชิตา  ฯ จตุตฺถทฺวเย  าณปีติวชฺชิตา  เต  เอว  สงฺคยฺหนฺติ ฯ กฺริยาจิตฺเตสุปิ วิรติวชฺชิตา  ตเถว  จตูสุปิ  ทุเกสุ  จตุธา  สงฺคห  คจฺฉนฺติ  ฯ  ตถา วิปาเกสุ  จ  อปฺปมฺาวิรติวชฺชิตา  เต  เอว  สงฺคยฺหนฺติ  ฯ สพฺพถาปิ  จตุวีสติกามาวจรโสภณจิตฺเตสุ  ทุกวเสน  ทฺวาทสธาว สงฺคโห โหตีติ ฯ
            ปน ก็ กามาวจรโสภเณสุ ในบรรดากามาวจรโสภณจิตทั้งหลาย ตาว  ก่อนอื่น กุสเลสุ ในกุศลจิต ธมฺมา ธรรมทั้งหลาย ๓๘ อิติ คือ อฺสมานา เตรส  เจตสิกา อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ ปฺจวีสติ โสภณเจตสิกา จ และโสภณเจตสิก ๒๕ คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการสงเคราะห์ าณสมฺปยุตฺเต ในญาณสัมปยุตจิต ปมทฺวเย  สองดวงแรก. ปน แต่ เอตฺถ ในจิต ๒ ดวงนี้ อปฺปมฃฺฃาวิรติโย อัปมัญญาและวิรตี ปฃฺจปิ แม้ทั้ง ๕  โยเชตพฺพา อันบัณฑิตพึงประกอบ ปจฺเจกํ เอว ทีละดวงเท่านั้น.
            ตถา ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ก็เหมือนกัน ฃาณวชฺชิตา ที่เว้นจากญาณ คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการสงเคราะห์ ทุติยทฺวเย ในกุศลจิตสองดวงที่ ๒.
            ตถา ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ปีติวชฺชิตา ที่เว้นจากปีติ คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการสงเคราะห์ ตติยทฺวเย  าณสมฺปยุตฺเต ในญาณสัมปยุตจิต ๒ ดวงที่ ๓.
            เต เอว ธรรมทั้งหลายเหล่านั้นนั่นแหละ  ฃาณปีติวชฺชิตา ที่เว้นจากญาณและปีติ คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการสงเคราะห์ จตุตฺถทฺวเย ในจิต ๒ ดวงที่ ๔.
            กฺริยาจิตฺเตสุ แม้ในบรรดากิริยาจิตทั้งหลาย ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละ ที่เว้นวิรตี คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ ซึ่งการสงเคราะห์ จตุธา โดย ๔ ประการ จตูสุ ทุเกสุ ใน ๔ทุกะ.  
            จ ก็ วิปาเกสุ ในบรรดาวิบากทั้งหลาย ตถา ก็เช่นกัน เต  เอว ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละ อปฺปมฺาวิรติวชฺชิตา ที่เว้นอัปปมัญญาและวิรตี สงฺคยฺหนฺติ ย่อมถูกสงเคราะห์ ในทุกะ แม้ทั้ง ๔.   
            สงฺคโห สังคหนัย ทฺวาทสธาว ๑๒ นัยนั่นเทียว โหติ ย่อมมี ทุกวเสน เนื่องด้วยเป็นทุกะ จตุวีสติกามาวจรโสภณจิตฺเตสุ ในกามาวจรโสภณจิต ๒๔ สพฺพถาปิ แม้โดยประการทั้งปวง อิติ ฉะนี้แล
             
                        อฏฺตฺตึส สตฺตตฺตึส                  ทฺวย ฉตฺตึสก สุเภ
                        ปฺจตฺตึส จตุตฺตึส                    ทฺวย เตตฺตึสก กฺริเย ฯ
                        เตตฺตึส ปาเก ทฺวตฺตึส               ทฺวเยกตฺตึสก ภเว
                        สเหตุกามาวจร-                       ปุฺปากกฺริยามเน ฯ
 สเหตุกามาวจรปุฺปากกฺริยามเน ใน  สเหตุกกามาวจรกุศลจิต วิบากจิตและกิริยาจิต ภเว พึงมี สงฺคโห สังคหนัย ทฺวาทสธา ๑๒ นัย คือ  สุเภ ในกุศลจิต ภเว พึงมี อฏฺตฺตึส ธรรม ๓๘, สตฺตตฺตึสทฺวย  หมวด ๒ แห่งธรรม ๓๗, ฉตฺตึสก และธรรม ๓๖. กฺริเย ในกิริยาจิต ภเว พึงมี              ปฺจตฺตึส ธรรม ๓๕, จตุตฺตึสทฺวย  หมวด ๒ แห่งธรรม ๓๔, เตตฺตึสกํ ธรรม ๓๓.  ปาเก ในวิบากจิต ภเว พึงมี  เตตฺตึส ธรรม ๓๓,  ทฺวตฺตึสทฺวยํ  หมวด ๒ แห่งธรรม ๓๒, เอกตฺตึสก ธรรม ๓๑.

                        น วิชฺชนฺเตตฺถ วิรตี                   กฺริยาสุ จ มหคฺคเต
                        อนุตฺตเร อปฺปมฺา                กามปาเก ทฺวย ตถา ฯ
            เอตฺถ ในจิตเหล่านี้ กฺริยาสุ จ มหคฺคเต จ คือ ในกิริยาจิตและมหัคคตจิต วิรตี วิรตี น วิชฺชนฺติ ย่อมไม่มี, อนุตฺตเร ในอนุตรจิต อปฺปมฃฺฃา    อัปปมัญญา น วิชฺชนฺติ ย่อมไม่มี, ตถา อนึ่ง ทฺวยํ      วิริตีและอัปปมัญญาทั้งสอง น วิชฺชนฺติ ย่อมไม่มี กามปาเก ในกามาวจรวิบากจิต
  
                        อนุตฺตเร ฌานธมฺมา                 อปฺปมฺา จ มชฺฌิเม
                        วิรตี าณปีติ จ                        ปริตฺเตสุ วิเสสกา ฯ
            อนุตฺตเร ในอนุตรจิต ฌานธมฺมา ฌานธรรม วิเสสกา เป็นธรรมที่สร้างความต่างกัน, มชฺฌิเม ในมหัคคตจิต อปฺปมฃฺฃา อัปปมัญญา วิเสสกา เป็นธรรมสร้างความต่างกัน,   ปริตฺเตสุ ในกามาวจรจิต วิรตี าณปีติ จ    วิรตี, ญาณและปีติ วิเสสกา เป็นธรรมสร้างความต่างกันฯ

            อกุสเลสุ  ปน  โลภมูเลสุ  ตาว  ปเม  อสงฺขาริเก อฺสมานา  เตรส  เจตสิกา  อกุสลสาธารณา  จตฺตาโร  เจติ สตฺตรส โลภทิฏฺีหิ  สทฺธึ  เอกูนวีสติ  ธมฺมา  สงฺคห  คจฺฉนฺติ  ฯ  ตเถว ทุติเย  อสงฺขาริเก  โลภมาเนน  สทฺธึ  ฯ  ตติเย  ตเถว  ปีติวชฺชิตาโลภ- ทิฏฺีหิ  อฏฺารส  ฯ  จตุตฺเถ  ตเถว  โลภมาเนน ฯ ปฺจเม ปน ปฏิฆสมฺปยุตฺเต  อสงฺขาริเก  โทโส  อิสฺสา  มจฺฉริย  กุกฺกุจฺจฺจาติ จตูหิ  สทฺธึ  ปีติวชฺชิตา  เต  เอว  วีสติ  ธมฺมา  สงฺคยฺหนฺติฯอิสฺสามจฺเฉรกุกฺกุจฺจานิ ปเนตฺถ ปจฺเจกเมวโยเชตพฺพานิ ฯ สสงฺขาริกปฺจเกปิ  ตเถว  ถีนมิทฺเธน  วิเสเสตฺวา  โยเชตพฺพา  ฯ ฉนฺทปีติวชฺชิตา  ปน อฺสมานา  เอกาทส - อกุสลสาธารณา  จตฺตาโร จาติ  ปณฺณรส  ธมฺมา  อุทฺธจฺจ- สหคเต  สมฺปยุชฺชนฺติ ฯ วิจิกิจฺ-ฉาสหคตจิตฺเต  จ  อธิโมกฺขวิรหิตา  วิจิกิจฺฉาสหิตา ตเถว ปณฺณรส ธมฺมา สมุปลพฺภนฺติ  ฯ  สพฺพถาปิ  ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ ปจฺเจก โยชิยมานาปิ คณนวเสน สตฺตธาว สงฺคหิตา ภวนฺตีติ ฯ
            ปน ส่วน อกุสเลสุ ในบรรดาอกุศลจิตทั้งหลาย ตาว ก่อนอื่น
            สตฺตรส ธมฺมา  ธรรมทั้งหลาย ๑๗ อิติ คือ อฺสมานา  เตรส  เจตสิกา จ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ อกุสลสาธารณา  จตฺตาโร  จ อกุสลสาธารณเจตสิก ๔ เอกูนวีสติ เป็นธรรม ๑๙  สทฺธึ พร้อม โลภทิฏฺีหิ ด้วยโลภะและทิฏฐิ คจฺฉนฺติ ถึง สงฺคห การสงเคราะห์ ปเม  อสงฺขาริเก ในอสังขาริกจิตดวงที่ ๑.
            ตเถว ธรรม ๑๗ นั้นนั่นแหละ เอกูนวีสติ เป็นธรรม ๑๙ สทฺธึ พร้อม โลภมาเนนด้วยโลภะและมานะ คจฺฉนฺติ ถึง สงฺคห การสงเคราะห์  ทุติเย  อสงฺขาริเก ในอสังขาริกจิตดวงที่ ๒.  
            ตเถว ธรรม ๑๗ นั้นนั่นแหละ ปีติวชฺชิตา ที่เว้นจากปีติ (เหลือ ๑๖) อฏฺฅารส เป็นธรรม ๑๘ สทฺธึ พร้อม โลภทิฏฺีหิ ด้วยโลภะและทิฏฐิ คจฺฉนฺติ ถึง สงฺคห การสงเคราะห์ ตติเย  อสงฺขาริเก ในอสังขาริกจิตดวงที่ ๓.
            ตเถว ธรรม ๑๖ นั้นนั่นแหละ อฏฺฅารส เป็นธรรม ๑๘ สทฺธึ พร้อม โลภมาเนน ด้วยโลภะและมานะ คจฺฉนฺติ ถึง สงฺคห การสงเคราะห์  จตุตฺเถ  อสงฺขาริเก ในอสังขาริกจิตดวงที่ ๔.
            ปน แต่ เต เอว ธรรม ๑๗ นั้นนั่นแหละ ปีติวชฺชิตา ที่เว้นปีติ วีสติ ธมฺมา เป็นธรรม ๒๐ สทฺธึ พร้อม จตูหิ ธรรม ๔ อิติ คือ โทโส จ โทสะ, อิสฺสา จ อิสสะ, มจฺฉริยํ จ มัจฉริยะ, กุกฺกุจฺจํ จ และกุกกุจจะ สงฺคยฺหนฺติ ย่อมถูกสงเคราะห์ ปฺจเม ปฏิฆสมฺปยุตฺเต  อสงฺขาริเก ในปฏิฆสัมปยุตอสังขาริกจิต ดวงที่ ๕. ปน แต่ว่า เอตฺถ ในจิตดวงนี้ อิสฺสามจฺเฉรกุกฺกุจฺจานิ อิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะ โยเชตพฺพานิ บัณฑิตพึงประกอบ ปจฺเจกํ เอว ทีละดวงเท่านั้น.
            สสงฺขาริกปฃฺจเกปิ แม้ในสสังขาริกจิต ๕ ดวง เต เอว ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละ โยเชตพฺพา พึงประกอบ วิเสเสตฺวา ให้พิเศษออกไป ถีนมิทฺเธน  ด้วยถีนมิทธะ.
            ปน ส่วน ธมฺมา ธรรม ปณฺณรส ๑๕ อิติ คือ ฉนฺทปีติวชฺชิตา เอกาทส อฺสมานา  จ อัญญสมานาเจตสิก ๑๑ เว้นฉันทะและปีติ  อกุสลสาธารณา  จตฺตาโร จ และอกุสลสาธารณเจตสิก๔สมฺปยุชฺชนฺติ ย่อมประกอบร่วมกัน อุทฺธจฺจสหคเตในอุทธัจจสหคตจิต.
            อนึ่ง ตเถว ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละ อธิโมกฺขวิรหิตา เว้นอธิโมกข์ วิจิกิจฺฉาสหิตา แต่ประกอบด้วยวิจิกิจฉา ปณฺณรส ธมฺมา เป็นธรรม ๑๕     สมุปลพฺภนฺติ อันบัณฑิตย่อมได้พร้อมกัน วิจิกิจฺฉาสหคตจิตฺเต ในวิจิกิจฉาสหคตจิต.
            ธมฺมา เจตสิกธรรมทั้งหลาย ปณฺฑิเตน อันบัณฑิต โยชิยมานาปิ แม้เมื่อประกอบ   ทฺวาทสกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ ในอกุสลจิตตุปบาท ๑๒ ปจฺเจกํ แต่ละดวง ภวนฺติ ย่อมเป็น สงฺคหิตา อันถูกสงเคราะห์ได้ สตฺตธา ว เพียง ๗ นัยเท่านั้น คณนวเสน เนื่องด้วยการนับจำนวน สพฺพถาปิ แม้โดยประการทั้งปวง อิติ ฉะนี้แล.

                        เอกูนวีสฏฺารส                       วีเสกวีส วีสติ
                        พาวีส ปณฺณรสาติ                    สตฺตธากุสเล ิตา ฯ
  เอเต ธรรมเหล่านี้ ฅิตา ตั้งอยู่ อกุสเล ในอกุศลจิต สตฺตธา โดย ๗ ประการ   อิติ คือ เอกูนวีส ธรรม ๒๑, อฏฺฅารส ธรรม ๑๘, วีส ธรรม ๒๐, เอกวีส ธรรม ๒๑, วีสติ ธรรม ๒๐, พาวีส ธรรม ๒๒, ปณฺณรส ธรรม ๑๕.


                        สาธารณา จ จตฺตาโร                สมานา จ ทสาปเร
                        จุทฺทเสเต ปวุจฺจนฺติ                  สพฺพากุสลโยคิโน ฯ
            จุทฺทส ธรรม ๑๔ ประการ เอเต เหล่านี้ อิติ คือ สาธารณา จตฺตาโร จ อกุสลสาธารณะ ๔,  สมานา ทส อัญญสมานาเจตสิก ๑๐ อปเร เหล่าอื่น ปวุจฺจนฺติ ถูกเรียกว่า สพฺพากุสลโยคิโน สัพพา-กุสลโยคีเจตสิก.

            อเหตุเกสุ  ปน  หสนจิตฺเต  ตาว  ฉนฺทวชฺชิตา  อฺสมานา ทฺวาทส  ธมฺมา  สงฺคห  คจฺฉนฺติ  ฯ  ตถา  โวฏฺวเน  ฉนฺทปีติวชฺชิตา  ฯ  สุขสนฺตีรเณ  ฉนฺทวิริยวชฺชิตา  ฯ มโนธาตุติกาเหตุกปฏิสนฺธิยุคเล ฉนฺทปีติวิริยวชฺชิตาฯทฺวิปฺจวิฺาเณสุ ปกิณฺณกวชฺชิตา เต  เอว  สงฺคยฺหนฺติ  ฯ  สพฺพถาปิ  อฏฺารสสุ อเหตุเกสุ คณนวเสน จตุธาว          สงฺคโห โหตีติ ฯ
            ปน ส่วนว่า อเหตุเกสุ ในอเหตุกจิตทั้งหลาย ตาว ก่อนอื่น
            ทฺวาทส ธมฺมา ธรรม ๑๒ คือ อฃฺฃสมานา ฉนฺทวชฺชิตา อัญญสมานาเจตสิกเว้นฉันทะ คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ การสงเคราะห์ หสนจิตฺเต ในหสิตุปปาทจิต.
            ตถา ธรรม ๑๓ นั้นนั่นแหละ ฉนฺทปีติวชฺชิตา เว้นฉันทะและปีติ (เหลือ ๑๑) คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ การสงเคราะห์ โวฏฺฅวเน ในโวฏฐัพพนจิต. ตถา ธรรม ๑๓ นั้นนั่นแหละ ฉนฺทวิริยวชฺชิตา เว้นฉันทะและวิริยะ (เหลือ ๑๑) คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ การสงเคราะห์ สุขสนฺตีรเณ ในโสมนัสสันตีรณจิต.
            ตถา ธรรม ๑๓ นั่นแหละ ฉนฺทปีติวิริยวชฺชิตา เว้นฉันทะปีติและวิริยะ (เหลือ ๑๐) คจฺฉนฺติ ย่อมถึง สงฺคหํ การสงเคราะห์ มโนธาตุติกาเหตุกปฏิสนฺธิยุคเล ในมโนธาตุ ๓ (สัมปฏิจฉนจิต ๒และปัญจทวาราวัชชนจิต ๑) และอเหตุกปฏิสนธิทั้งคู่ (อุเบกขาสันตีรณจิต ๒).
            เต เอว ธรรม ๑๓ นั้นนั่นแหละ ปกิณฺณกวชฺชิตา เว้นปกิณณกเจตสิก (เหลือ ๗) สงฺคยฺหนฺติ ย่อมถูกสงเคราะห์ ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ ในทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐.
              อฏฺารสสุ อเหตุเกสุ ในอเหตุกจิต ๑๘ โหติ ย่อมมี สงฺคโห สังคหนัย จตุธาว เพียง ๔ เท่านั้น คณนวเสน เกี่ยวกับการนับจำนวน สพฺพถาปิ แม้โดยประการทั้งปวง อิติ ด้วยประการฉะนี้.

                        ทฺวาทเสกาทส ทส                    สตฺต จาติ จตุพฺพิโธ
                        อฏฺารสาเหตุเกสุ                    จิตฺตุปฺปาเทสุ สงฺคโห ฯ
                        อเหตุเกสุ สพฺพตฺถ                   สตฺต เสสา ยถารห
                        อิติ วิตฺถารโต วุตฺตา                 เตตฺตึสวิธสงฺคหา ฯ
            จิตฺตุปฺปาเทสุ อฏฺฅารสาเหตุเกสุ  ในอเหตุกจิตตุปบาท ๑๘ ภเว พึงมี สงฺคโห สังคหนัย จตุพฺพิโธ ๔ นัย อิติ คือ  ทฺวาทส จ ธรรม ๑๒, เอกาทส จ ธรรม ๑๑, ทส จ  ธรรม ๑๐, สตฺต จ และ ธรรม ๗ .
            เสสา สตฺต ธรรมที่เหลือ ๗ โหนฺติ ย่อมมี อเหตุเกสุ ในอเหตุกจิต สพฺพตฺถ ทั้งปวง   ยถารหํ ตามสมควร.  
            เตตฺตึสวิธสงฺคหา สังคหนัย ๓๓ ประการ วุตฺตา อันข้าพเจ้ากล่าวแล้ว วิตฺถารโต โดยพิสดาร อิติ ด้วยประการฉะนี้.
                         
                        อิตฺถ จิตฺตาวิยุตฺตาน                 สมฺปโยคฺจ สงฺคห
                        ญตฺวา เภท ยถาโยค                  จิตฺเตน สมมุทฺทิเสติ ฯ
            ปณฺฑิโต บัณฑิต ฃตฺวา ครั้นได้รู้ สมฺปโยคํ จ สัมปโยคนัย ด้วย สงฺคหํ จ ซึ่งสังคหนัยด้วย จิตฺตาวิยุตฺตานํ แห่งสภาวะที่ไม่แยกกันด้วยจิต อิตฺถํ ด้วยประการดังนี้แล้ว  อุทฺทิเส พึงแสดง เภทํ ประเภท สมํ อันเสมอ  จิตฺเตน ด้วยจิต ยถาโยคํ ตามควรแก่การประกอบ อิติ ฉะนี้แล
อิติ อภิธมฺมตฺถสงฺคเห
เจตสิกสงฺคหวิภาโค นาม ทุติโย ปริจฺเฉโท ฯ
ปริจฺเฉโท ปริจเฉท ทุติโย ที่ ๒
เจตสิกสงฺคหวิภาโค นาม ชื่อว่า เจตสิกสังคหวิภาค
อภิธมฺมตฺถสงฺคเห ในปกรณ์อภิธัมมัตถสังคหะ

นิฏฺฅิโต จบแล้ว อิติ ด้วยประการฉะนี้